ในปี 2025 โลกของวงการซีรีส์เอเชียร้อนระอุกว่าที่เคย เพราะสองขั้วอำนาจยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิง “ซีรีส์จีน” และ “ซีรีส์เกาหลี” ต่างก้าวขึ้นมาครองใจผู้ชมทั่วโลกอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งในด้านคุณภาพ การผลิต เนื้อหา และพลัง Soft Power ที่ขยายอิทธิพลไปทั่วเอเชียและยุโรป
ผู้ชมยุคใหม่ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่ค่ายหรือประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป แต่เปิดใจรับความหลากหลายของการเล่าเรื่องจากทั้งสองฝั่ง — ฝั่งหนึ่งโดดเด่นด้วยวัฒนธรรม ความอลังการ และบทโรแมนติกแฟนตาซี ส่วนอีกฝั่งขึ้นชื่อเรื่องความเรียล ดราม่าเข้มข้น และการสื่ออารมณ์แบบจับใจ
บทความนี้จะพาเจาะลึก “เบื้องหลังสงครามซีรีส์เอเชีย” ระหว่าง จีนกับเกาหลี เพื่อหาคำตอบว่าเหตุใดทั้งสองประเทศจึงมาแรงไม่หยุด และใครกำลังนำเกมในสนามบันเทิงระดับโลก
จุดเริ่มต้นของยุคทองแห่งซีรีส์เอเชีย
หากย้อนกลับไปในช่วงปี 2010 ซีรีส์เกาหลี (K-Drama) คือผู้บุกเบิกกระแส “Hallyu Wave” หรือคลื่นเกาหลี ที่แผ่ขยายไปทั่วโลก ด้วยเรื่องอย่าง Descendants of the Sun, Goblin, Crash Landing on You และ Itaewon Class ที่สร้างปรากฏการณ์ผู้ชมหลักร้อยล้านทั่วโลก
ในขณะที่ซีรีส์จีน (C-Drama) ก็เริ่มพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาเดียวกัน ด้วยผลงานคุณภาพ เช่น Eternal Love, The Untamed, You Are My Glory และ Hidden Love ที่กลายเป็นไวรัลทั้งในเอเชียและโลกตะวันตก
จุดเปลี่ยนสำคัญคือช่วงปี 2020–2025 ที่เทคโนโลยีสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, iQIYI, WeTV, Disney+ และ VIU เข้ามามีบทบาท ทำให้ผู้ชมทั่วโลกสามารถเข้าถึงซีรีส์จากทุกประเทศได้อย่างง่ายดาย ซีรีส์จากจีนและเกาหลีจึงเข้าสู่ “สงครามระดับโลก” ที่แข่งขันกันด้วยคุณภาพและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม
เสน่ห์เฉพาะตัวของซีรีส์เกาหลี: เรียล ดราม่า และความลึกซึ้งทางอารมณ์
ซีรีส์เกาหลีโดดเด่นในเรื่อง “อารมณ์และความสมจริง” ผู้ชมมักรู้สึกอินกับตัวละครและบทสนทนาที่ละเอียดอ่อน เพราะผู้สร้างเกาหลีให้ความสำคัญกับ “ความรู้สึกของมนุษย์” มากกว่าแค่เนื้อเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นแนวโรแมนติกอย่าง 20th Century Girl, Business Proposal หรือแนวดราม่าเข้มข้นอย่าง The Glory, My Liberation Notes, Moving ซีรีส์เหล่านี้เน้นการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิงและสะท้อนสังคมร่วมสมัย เช่น ความเหลื่อมล้ำ การกลั่นแกล้ง และแรงกดดันของคนรุ่นใหม่
อีกทั้งเกาหลียังมีการวางระบบการผลิตซีรีส์ที่เข้มงวด ตั้งแต่การเขียนบท การคัดเลือกนักแสดง ไปจนถึงการโปรโมต ซึ่งช่วยยกระดับให้ซีรีส์เกาหลีเป็น “สินค้าทางวัฒนธรรมระดับโลก” ที่ขายได้ทั้งอารมณ์และภาพลักษณ์
ซีรีส์จีน: ความอลังการ วัฒนธรรม และแฟนตาซีระดับจักรวาล
ฝั่งซีรีส์จีนเองก็มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน จุดแข็งของ C-Drama คือ “ความยิ่งใหญ่ทางภาพและแนวคิด” ซีรีส์จีนมักสร้างโลกแฟนตาซีอลังการ อัดแน่นด้วยวัฒนธรรมจีนโบราณ การแต่งกายที่งดงาม และความละเอียดของโปรดักชัน
เช่น Love Between Fairy and Devil, Till the End of the Moon, The Long Ballad, หรือแนวโรแมนติกยุคใหม่อย่าง Hidden Love ที่เข้าถึงหัวใจวัยรุ่นทั่วเอเชีย
ความสำเร็จของซีรีส์จีนยังมาจากการสนับสนุนของรัฐบาลในฐานะ “Soft Power แห่งชาติ” ที่ใช้ซีรีส์เป็นเครื่องมือเผยแพร่วัฒนธรรมจีน ทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์ ศิลปะ และปรัชญา เช่น ความรัก ความกตัญญู และการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์
การผลิตระดับโลก: เมื่อสองชาติใช้เทคโนโลยีและงบประมาณมหาศาล
ทั้งจีนและเกาหลีต่างยกระดับการผลิตซีรีส์ให้เทียบเท่าฮอลลีวูด
เกาหลีเน้น “ความสมจริงและอารมณ์ของคน” ขณะที่จีนเน้น “ภาพที่อลังการและโลกสมมติขนาดใหญ่”
-
เกาหลีใช้เทคนิคถ่ายทำจริงในสถานที่จริงและมีการใช้โทนภาพที่อบอุ่น
-
จีนใช้เทคนิค CGI และ Visual Effects ระดับภาพยนตร์ ทำให้ซีรีส์แนวแฟนตาซีดูสมจริง
งบประมาณการผลิตของซีรีส์บางเรื่องสูงถึง 50–100 ล้านเหรียญสหรัฐ เช่น The Legend of Fei (จีน) หรือ Sweet Home Season 2 (เกาหลี) ซึ่งเป็นการลงทุนที่สะท้อนความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการครองตลาดโลก
ศิลปินและนักแสดง: พลังของดาราเอเชียที่ครองหัวใจแฟนทั่วโลก
ในยุคของ “ซีรีส์ขับเคลื่อนโดยนักแสดง” ทั้งสองประเทศต่างส่งออกดาราชื่อดังระดับโลก
-
ฝั่งเกาหลี: Song Hye-kyo, Kim Soo-hyun, Park Seo-joon, Han So-hee, Lee Min-ho, Ahn Hyo-seop
-
ฝั่งจีน: Xiao Zhan, Zhao Lusi, Dilraba Dilmurat, Wang Yibo, Cheng Yi, Bai Lu
พลังของแฟนคลับ (Fandom Power) คือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ซีรีส์ติดเทรนด์ทั่วโลก นักแสดงเหล่านี้มักมีผู้ติดตามหลักสิบล้านใน Weibo, Instagram และ TikTok ซึ่งช่วยให้การโปรโมตซีรีส์ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว
การตลาดและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง: ตัวเร่งความสำเร็จ
ในยุคดิจิทัล แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งคือ “สนามรบ” ของซีรีส์เอเชีย
-
เกาหลี ร่วมมือกับ Netflix, Disney+, VIU และ Amazon Prime สร้างซีรีส์ที่ออกฉายพร้อมทั่วโลก
-
จีน ใช้แพลตฟอร์มท้องถิ่นอย่าง iQIYI, Tencent Video, Youku และ WeTV เพื่อปล่อยคลิปไวรัล พร้อมซับหลายภาษา
ทั้งสองประเทศใช้กลยุทธ์ “โปรโมตผ่านคลิปสั้น” บน TikTok และ Instagram เพื่อกระตุ้นการแชร์และการพูดถึง ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างกระแสแบบฉับไว

ใครชนะในสนามโลก? ซีรีส์จีนหรือซีรีส์เกาหลี
คำตอบอาจขึ้นอยู่กับ “มุมมองของผู้ชม”
-
หากพูดถึง อารมณ์และความลึกซึ้งทางการเล่าเรื่อง เกาหลียังครองใจคนทั่วโลก
-
หากพูดถึง ความอลังการทางภาพและการสื่อวัฒนธรรม จีนคือผู้นำอย่างแท้จริง
แต่เมื่อดูจากแนวโน้มปี 2025 ซีรีส์จีนกำลัง “เร่งเครื่อง” อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผู้ชมเริ่มหลงใหลซีรีส์แนวโรแมนติกแฟนตาซีของจีนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ซีรีส์เกาหลีก็ยังคงยืนหนึ่งในตลาดยุโรปและอเมริกา
กล่าวได้ว่าทั้งสองประเทศกำลังผลักดันกันอย่างต่อเนื่อง และผลลัพธ์คือ “ผู้ชมทั่วโลกคือผู้ชนะ”
มิติของ Soft Power: จากหน้าจอสู่เศรษฐกิจ
ซีรีส์ไม่ได้เป็นเพียงความบันเทิง แต่ยังเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้มหาศาล ทั้งเกาหลีและจีนต่างใช้ซีรีส์เป็น “เครื่องมือทางเศรษฐกิจ” ผ่านแฟชั่น การท่องเที่ยว และสินค้า
-
ซีรีส์เกาหลีอย่าง Crash Landing on You ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวเกาหลีเพิ่มขึ้นกว่า 30%
-
ซีรีส์จีนอย่าง Eternal Love ทำให้ยอดขายเสื้อผ้าและสินค้าพื้นเมืองจีนเพิ่มขึ้นมหาศาล
นี่คือการใช้ “Soft Power” อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย
แนวโน้มในอนาคต: เมื่อจีนและเกาหลีอาจร่วมมือกัน
ในปี 2026–2027 มีแนวโน้มสูงที่ทั้งสองชาติจะเริ่ม “ร่วมผลิตซีรีส์ข้ามพรมแดน” เช่น โปรเจกต์จีน–เกาหลี ที่ Tencent และ CJ ENM กำลังพัฒนาอยู่
นอกจากนี้ การรวมพลังของดาราระดับเอเชีย เช่น Dilraba Dilmurat ร่วมงานกับ Park Seo-joon หรือ Zhao Lusi กับ Ahn Hyo-seop อาจเป็นก้าวใหม่ของวงการซีรีส์เอเชีย ที่สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
สรุป: ซีรีส์เอเชียคืออนาคตของวงการบันเทิงโลก
ไม่ว่าจะเป็นจีนหรือเกาหลี ต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ยากจะเทียบ ทั้งคู่ได้ยกระดับซีรีส์ให้กลายเป็นผลงานศิลปะและสินค้าทางวัฒนธรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเอเชีย
สงครามนี้ไม่มีผู้แพ้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือ “การเติบโตของวงการซีรีส์เอเชียทั้งภูมิภาค” ที่กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมบันเทิงโลกในศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง
FAQ (คำถามที่พบบ่อย)
1. ซีรีส์จีนและเกาหลีต่างกันอย่างไร?
ซีรีส์เกาหลีเน้นอารมณ์และชีวิตจริง ส่วนซีรีส์จีนเน้นแฟนตาซีและวัฒนธรรมโบราณ
2. ซีรีส์ประเทศไหนได้รับความนิยมมากกว่ากันในปี 2025?
ทั้งสองประเทศมาแรงใกล้เคียงกัน โดยจีนโดดเด่นในเอเชีย และเกาหลีโด่งดังในยุโรป–อเมริกา
3. ทำไมซีรีส์เกาหลีถึงยังคงเป็นที่นิยมทั่วโลก?
เพราะการเล่าเรื่องสมจริง การผลิตคุณภาพสูง และดาราที่มีเสน่ห์ระดับสากล
4. ซีรีส์จีนพัฒนาเร็วได้อย่างไร?
ด้วยงบลงทุนมหาศาล เทคโนโลยี CG ล้ำสมัย และการสนับสนุนจากรัฐบาล
5. ในอนาคตจะมีซีรีส์ที่ร่วมผลิตระหว่างจีนกับเกาหลีไหม?
มีแนวโน้มสูงมาก หลายโปรเจกต์อยู่ในขั้นตอนเตรียมการ เช่น โปรเจกต์โดย Tencent และ CJ ENM
6. ใครคือดาราที่มีอิทธิพลที่สุดในปี 2025?
ฝั่งจีนคือ Xiao Zhan และ Zhao Lusi ส่วนฝั่งเกาหลีคือ Han So-hee และ Park Seo-joon